คลินิกย่านเพชรบุรีของคุณกำลังมีคนไข้ใหม่ลดลงไหม? หรือสำนักงานกฎหมายแถวสีลมเริ่มมียอดทักไลน์เงียบหายไปหรือเปล่า? ถ้าธุรกิจในกรุงเทพฯ ของคุณต้องพึ่งพา Google เป็นหลัก การอัปเดตครั้งใหญ่ “December 2025 Core Update” อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้าหายไปแบบที่คุณไม่ทันตั้งตัว คู่มือฉบับนี้จะพาไปเจาะลึกว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมการมองเห็น (Visibility) บนโลกออนไลน์ถึงเปลี่ยนไป และจะกู้คืนอันดับให้กลับมาผงาดในหน้าแรกได้ยังไง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ปกติแล้วช่วงสิ้นปีในกรุงเทพฯ คือช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและเป็น High Season ของหลายธุรกิจ แต่ธันวาคมนี้ Google กลับส่งเซอร์ไพรส์ที่ต่างออกไปมาให้เราแทน ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2025 Google เริ่มปล่อยการปรับปรุงระบบครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “December 2025 Core Update” ซึ่งจากรายงานในวงการ Digital Marketing ระบุว่า นี่คือการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ที่สุดของปี อาจจะแรงกว่ารอบมีนาคม 2024 ด้วยซ้ำ
เป้าหมายหลักของ Google ในการอัปเดตทุกครั้งคือการยกระดับคุณภาพผลการค้นหา แต่รอบนี้พวกเขาโฟกัสแบบ Laser-focus ไปที่การให้รางวัลกับเว็บไซต์และ Business Listing ที่มีความ Real (Authenticity) มีความเชี่ยวชาญเจาะลึก และมอบ Value ให้ผู้ใช้ได้จริง สรุปง่ายๆ คือ Google อยากโชว์ธุรกิจที่น่าเชื่อถือและช่วยเหลือผู้คนได้จริงๆ ไม่ใช่ธุรกิจที่เก่งแค่เรื่องเทคนิคการปั่นอันดับ
Context: เรื่องนี้แปลว่าอะไรสำหรับเรา?
แล้วไอ้เจ้า “Core Update” นี่มันคืออะไร? ให้คิดภาพเหมือน Google เอารถยนต์ (Search Engine) เข้าศูนย์เพื่อยกเครื่องใหม่ครั้งใหญ่ มันไม่ใช่บทลงโทษที่เจาะจงใครเป็นพิเศษ แต่เป็นการที่ Google ประเมินเว็บไซต์ทั้งหมดใหม่ด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น ธุรกิจบางเจ้าอาจจะเห็นอันดับพุ่งขึ้น ในขณะที่บางเจ้าอาจจะร่วงกราวรูด เพียงเพราะกฎเกณฑ์คำว่า “คุณภาพสูง” ของ Google เปลี่ยนไปแล้ว
การอัปเดตรอบนี้พุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาบางเบา (Thin content) หรือคอนเทนต์ที่ใช้ AI ผลิตออกมาแบบ Mass-produced นอกจากนี้ยังเข้มงวดสุดๆ กับสิ่งที่เรียกว่า E-E-A-T (Experience, Expertise, Authoritativeness, and Trust) สำหรับธุรกิจท้องถิ่นอย่างคลินิกทำฟันแถวอโศก หรือ Boutique Hotel ย่านพร้อมพงษ์ นี่หมายความว่า Google ต้องการเห็นหลักฐานชัดเจนว่าคุณคือตัวจริงในวงการ บริการของคุณอธิบายเคลียร์ไหม? มีรีวิวจากลูกค้าจริงหรือเปล่า? และเว็บไซต์ใช้งานง่ายและมีประโยชน์จริงไหม?
The Impact: หน้างานจริงเป็นยังไง?
ผลกระทบจากการอัปเดตครั้งนี้เกิดขึ้นทันทีและรุนแรงมาก เราเห็นความผันผวน (Volatility) ของอันดับการค้นหาที่สูงที่สุดในปี 2025 หลายธุรกิจรายงานว่าลูกค้าหาพวกเขาบน Google ยากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บางรายเจอยอด Web Traffic หายวูบเป็นตัวเลขสองหลัก (Double-digit) ในชั่วข้ามคืน ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลมากสำหรับเจ้าของกิจการที่ต้องแบกรับค่าเช่าที่แสนแพงในทำเลทอง
และไม่ใช่แค่ผลการค้นหาทั่วไปเท่านั้น เรายังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน Google Discover หรือหน้า News feed บนมือถือ Android ด้วย สำหรับธุรกิจที่เน้นเขียนบทความเพื่อดึงลูกค้า การเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าสร้างความปั่นป่วนพอสมควร Key Takeaway สำคัญคือ ตอนนี้พื้นดินได้ขยับตัวแล้ว และถ้าคุณสังเกตว่ายอดโทรศัพท์หรือยอดจองออนไลน์ลดลงกะทันหัน เป็นไปได้สูงมากว่า Core Update นี้คือต้นเหตุ

The Action Plan: ต้องตื่นตูมไหม?
คำแนะนำตรงๆ จากอายะคือ: อย่าเพิ่ง Panic ค่ะ สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณจะทำได้ในช่วง Core Update คือการรีบเข้าไปแก้เว็บไซต์หรือ Google Maps Listing ของคุณ แบบรวดเร็วเกินไป การอัปเดตพวกนี้อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะนิ่ง และสิ่งที่คุณเห็นวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะเปลี่ยนไปอีก การรีบแก้โดยไม่มีการวินิจฉัยที่ถูกต้องมักจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ก้าวแรกของคุณคือ Monitor ไม่ใช่ React คุณต้องรู้ก่อนว่าอันดับที่ตกไปนั้นเป็นแค่คลื่นชั่วคราวหรือเป็นเทรนด์ขาลงจริงๆ นี่คือเหตุผลที่เรา Track อันดับของลูกค้าเราในทุกๆ วัน การมี Data ที่ชัดเจนจะช่วยบอกได้ว่าคุณกำลังเจอปัญหาจริง หรือแค่ความปั่นป่วนชั่วคราว เครื่องมืออย่าง OnEveryMap ช่วย Automate เรื่องนี้ให้คุณเห็นภาพชัดเจนว่าจุดยืนของคุณอยู่ตรงไหน ถ้าคุณเช็กเองแบบ Manual แนะนำให้ดู Insight ใน Google Business Profile ทุกๆ 2-3 วัน แล้วเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้าเพื่อดู Pattern พอฝุ่นเริ่มจางลง เราค่อยมาวางแผนรับมือจากข้อมูลจริง ไม่ใช่จากความกลัวกันนะคะ